วิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจจีนจากท่านประธานกิตติมศักดิ์ ธนากร เสรีบุรี
ด้านของเศรษฐกิจจีน เราอาจจะได้ข่าวเกี่ยวกับการกระทบกันบ้างของจีน(ในคณะกรรมการบริหารพรรค) ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสิบปี จะมีครั้งหนึ่งที่จะต้องเปลี่ยนคณะกรรมการบริหาร ซึ่งมี 9 คนจะต้องเปลี่ยนถึง 7 คน เหลือ 2 คน
ซึ่งทั้งสองท่านนี้ก็เป็นคนใหม่ทำงานมายังไม่ถึงสิบปีและเป็นแกนนำสำคัญ หนึ่งท่านจะต้องมาเป็นประธานาธิบดี และเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ และอีกท่านก็จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนี้นั้นจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจจีน อยู่ในภาวะ Slowdown ซึ่งเป็นการ slowdown ที่รัฐบาลเป็นคนกำหนด
เนื่องจากเศรษฐกิจจีนตอนนี้เป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ GDP 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ การปล่อยให้จีดีพีขยายเร็ว จะส่งผลเสียอย่างมาก และถึงแม้รัฐบาลจะควบคุมทุกด้านทั้งด้านการเงินการอนุญาต GDP ก็ยังเติบโตมากอยู่ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจจีนเหมือนคนหนุ่มที่ต้องทานอาหาร เมื่อทานมากก็จะเติบโตและมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมาก แต่จีนก็ยังต้องเติบโตและเติบโตได้ดีอยู่ จนกว่าจะมีคณะรัฐบาลใหม่ในปีหน้า เดือนกันยายนนี้จะเลือกพรรค เมื่อได้พรรคแล้วก็จะฟอร์มรัฐบาลใหม่ ช่วงนี้ถึงปลายปีรัฐบาลก็ยังต้อง control อยู่อย่างเมืองเซี่ยงไฮ้ และกวางตุ้ง นั้นคนต่างประเทศที่ยังเสียภาษีไม่ครบปีไม่สามารถซื้อบ้านได้ ทางด้านการเงิน ก็เช่นกันธนาคารมีเงินแต่ปล่อยกู้ไม่ได้ ทำให้ธนาคารมีปัญหาเหมือนกันเพราะมีเงินแต่ไม่สามารถปล่อยเงินกู้ได้ มาตรการของจีนที่ใช้ทางด้านนี้รัฐบาล มีความเฉียบขาดมาก สามารถคุม GDP ให้อยู่ได้ที่ 8 % ซึ่งเป็นเป้าที่เขาอยากจะทำ ปีหน้านั้นถ้าได้รัฐบาลใหม่ เขาคงจะรีแลกซ์มากขึ้น เพราะจากมาตรการการควบคุมของรัฐบาล ทำให้ SMEs ล้มหลายราย โดยเฉพาะ SMEs ที่สายป่านไม่ยาวพอ ในอดีตนั้นเคยมีที่ SMEs ลงทุนได้เงินมาก็เอามาลงทุนในตลาดหุ้น ในพร๊อพเพอร์ตี้ เอาไปปั่นตลาดหุ้นพอเจอมาตรการนี้ก็ทำให้มีปัญหากัน และพอ SMEs มีปัญหามากๆ ก็จะส่งผลให้ธุรกิจขนาดใหญ่ มีปัญหาตาม
พูดถึงนโยบายของจีน จีนมีนโยบายที่จะทำอยู่ 2 ข้อคือ 1. นโยบาย "เดินออกไป" ผลักดันให้นักธุรกิจจีนที่โตแล้วออกไปลงทุนต่างประเทศ เพราะจีนมองว่านักธุรกิจจีนที่ใหญ่ และแข็งแกร่งมีอยู่มากถ้าอาศัยตลาดจีนอย่างเดียวหรือส่งออกไปขายต่างประเทศ อย่างเดียวคงไม่พอจึงผลักดันให้ไป ลงทุนในต่างประเทศ ประเทศที่มีวัตถุดิบและจีนมองไทยเป็นเพื่อนสนิท และมีโอกาสมาก ไทยเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ญาติสนิทเป็นที่ที่ดีที่เขาคิดว่ามีโอกาสมาก เพราะฉะนั้นในอาเซียน เขาจะมาประเทศแรกก็คือไทยนี้ 2. การพัฒนาด้านตะวันตกของจีน เพราะจีนมีปัญหาคนรวยกับคนจนห่างกันขึ้นทุกวัน แถบริมทะเลร่ำรวยมากเศรษฐกิจ ขยายตัวอย่างมาก ส่วนตะวันตกไม่มีใครเข้าไปลงทุน หรือไปน้อยมาก รัฐบาลจีนจึงสนับสนุนด้านเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้เอื้อต่อการลงทุนที่ตะวันตกเพื่อให้ตะวันตกเติบโตขึ้นและมีโอกาส เป็นแหล่งซื้อสินค้าของจีน ต้องสร้างตลาดภายใน และอีกเรื่องคือ เนื่องจากได้มีโอกาสร่วมคณะนายก เยือนจีนเที่ยวที่ผ่านมา ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะมาก เพราะจีนกำลัง มีปัญหา ประเทศเพื่อบ้านของจีนที่มีอยู่เจ็ดแปด ประเทศนี้มีปัญหากับจีนหมด ไม่มีประเทศไหนไม่มีปัญหา ซึ่งผมมองว่า คงมีอะไรลึก ๆ ภายใน ไม่ใช่จีนที่มีปัญหา
แต่มองว่าประเทศที่เจริญแล้วอย่างเช่นสหรัฐอเมริกาเริ่มเป็นห่วงว่าจีนกำลังเติบโตเร็วอาจจะเป็นคู่แข่งสำคัญ อย่างนี้แล้วอเมริกาอาจจะไปแทรกแซงเศรษฐกิจจีนโดยการสนับสนุนประเทศเพื่อนบ้านจีนเป็นได้ ซึ่งตรงนี้จีนมีความกดดันพอสมควร ดังนั้นการที่รัฐบาลไทยไปเยือนจีนคราวนี้ จีนเขาจึงต้อนรับเราอย่างดี คณะที่ไปเที่ยวนี้ได้พบผู้นำจีนทุกท่านและเขาจัดต้อนรับอย่างสมเกียรติ์ เพราะขณะนี้จีนต้องการเรา ซึ่งมองว่าเป็นจังหวะที่ดีมาก เป็นโอกาสที่เราจะได้ประโยชน์ซึ่งการไปในครั้งนี้มีนักธุรกิจไปร่วมมาก 100 กว่าราย ไปแทบทุกสาขาเลย
จุดเด่นอีกอย่างคือในวันที่ 2 ของการเยือนตรงนี้ก็มองว่ารัฐบาลไทยจัดการได้ดี คือในเช้าวันที่สองนั้นรัฐบาลไทย เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเช้า เป็น Breakfast talk คือในระหว่างที่รับประทานอาหารอยู่นายกรัฐมนตรีก็แนะนำว่า ได้พูดคุยอะไรกับทางรัฐบาลจีนบ้างและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ถามข้อซักถามได้ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ถามได้หมด เมื่อถามแล้วเกิดปัญหาอะไรก็ให้เจ้าภาพเป็นคนรับเรื่องในตอนนั้นเลย คือ อุตสาหกรรมมีปัญหาก็ให้อธิบดีอุตสาหกรรม รับไป ด้านพาณิชย์ก็ให้พาณิชย์รับไป ซึ่งถือว่ารัฐบาลไทยทำได้ดี เป็นการทำแบบการค้าแบบธุรกิจ